หลังจากที่คนทั่วโลก ต่างตื่นเต้นกับเทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถในด้านภาษา ในรูปแบบของ ChatBot ที่สามารถตอบคำถาม พร้อมกับให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนคนจริง ๆ อย่าง ChatGPT ซึ่งเปิดให้ทดลองใช้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา
ภายใต้ความ “น่าทึ่ง” ของเทคโนโลยี AI นี้ ทำให้คนทั่วโลกอาจต้องเริ่มหันกลับมาตั้งคำถามว่า จะใช้เทคโนโลยี AI นี้อย่างไรในทางที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะในแวดวง “การศึกษา” ที่เริ่มพบการใช้ ChatGPT ในทางที่ไม่เหมาะสมแล้ว..
สำนักข่าว The New York Times ได้รายงานว่า ChatGPT กำลังสร้างความกังวลให้กับโรงเรียน รวมถึงมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
เพราะในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เริ่มพบว่า มีนักศึกษาใช้ ChatGPT ในการช่วยทำการบ้าน และการบ้านชิ้นนั้น มีคุณภาพในระดับดีมากเสียด้วย
โดยอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ของสหรัฐฯ ซึ่งสอนวิชาเกี่ยวกับศาสนา ให้ข้อมูลกับ The New York Times ว่า เขาได้มอบหมายให้นักศึกษาเขียนเรียงความมาส่ง และพบว่ามีรายงานบางเล่ม มีการให้ข้อมูล อธิบายทฤษฎี แนวคิด ตัวอย่าง และข้อโต้แย้งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จนเรียกได้ว่า เป็นรายงานที่มีคุณภาพในระดับ “ยอดเยี่ยม” เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คุณภาพของรายงานในระดับดีเยี่ยมนี่เอง ทำให้เขาเกิดข้อสงสัย จึงตัดสินใจเรียกนักศึกษาที่เป็นเจ้าของรายงานฉบับนี้เข้าพบ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ซึ่งสุดท้ายแล้ว นักศึกษาคนนี้ก็ยอมสารภาพว่า ไม่ได้ทำรายงานฉบับนี้ด้วยตัวเอง แต่ใช้ ChatGPT ในการเขียนรายงาน
การใช้ ChatGPT ช่วยเขียนรายงานนี้ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้แวดวงการศึกษาของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เกิดการตั้งคำถามครั้งใหญ่ ว่าจะรับมือกับเทคโนโลยีนี้อย่างไร เพราะหากไม่มีการควบคุม ก็อาจมีนักศึกษาที่แอบใช้ ChatGPT ในการเขียนรายงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นได้
ซึ่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ หลาย ๆ คน เลือกที่จะปรับวิธีการสั่งการบ้าน ให้กับนักศึกษาใหม่..
อาจารย์บางคน เลือกใช้วิธีการให้นักศึกษาเขียนรายงาน โดยร่างข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นมาก่อน ภายในห้องเรียน โดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ควบคุมการใช้งาน และเมื่อนักศึกษานำรายงานกลับไปทำต่อที่บ้าน ก็ต้องอธิบายถึงข้อมูลที่อยู่ในรายงานของตัวเองให้ได้
รวมถึงอาจารย์บางคน อาจเปลี่ยนวิธีการวัดผลของนักศึกษา จากการสั่งให้เขียนรายงานมาส่ง เป็นการสอบ “ปากเปล่า” เพื่อถาม-ตอบ กับนักศึกษาให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการใช้ ChatGPT
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่อาจารย์ทุกคน ที่จะต่อต้านเทคโนโลยี AI อย่าง ChatGPT เพราะก็มีอาจารย์บางส่วนเช่นกัน ที่เลือกนำเรื่องนี้ มาเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ใช้สอนนักศึกษา
นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงแค่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ที่กำลังหาวิธีรับมือกับ ChatGPT ที่นักศึกษาอาจนำมาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
เพราะโรงเรียนมัธยมของรัฐบาล ในพื้นที่นิวยอร์ก และซีแอตเทิล ได้ประกาศแบน ChatGPT ในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านการจำกัดการเข้าถึง ChatGPT จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของโรงเรียน
แม้ว่าในท้ายที่สุด นักเรียนก็ยังคงสรรหาวิธีต่าง ๆ ที่จะใช้ ChatGPT ได้อยู่ดี..
ในขณะที่การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ยังคงตัดสินใจที่จะไม่แบน ChatGPT โดยให้เหตุผลในด้าน “อิสรภาพ” ของการศึกษา แต่อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ต้องหาวิธีการใหม่ ๆ ในการสอนหนังสือแทน
เพราะสุดท้ายแล้ว ChatGPT ก็จะไม่ใช่เทคโนโลยีสุดท้าย ที่จะเข้ามาปฎิวัติวงการการศึกษาอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนา ChatGPT ก็ได้รับรู้ถึงปัญหาการใช้ ChatGPT ในทางที่ไม่เหมาะสมของนักศึกษาแล้ว และบริษัทยืนยันว่า จะมีการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยตรวจจับข้อความต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย ChatGPT
ส่วน Turnitin ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ตรวจจับการคัดลอกผลงานทางวิชาการ ก็ประกาศแล้วว่า จะมีการพัฒนาฟีเชอร์ต่าง ๆ ที่ตรวจจับการใช้ ChatGPT หรือเทคโนโลยี AI ในรูปแบบเดียวกัน ในการเขียนผลงาน
รวมถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กว่า 6,000 คน ซึ่งรวมถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง อย่างฮาวาร์ด ได้ร่วมลงชื่อ ในการสนับสนุนการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า GPTZero ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ตรวจจับข้อความที่ถูกสร้างขึ้นโดย ChatGPT โดยเฉพาะ
แม้คนในแวดวงการศึกษา ต่างรู้สึกกังวลกับการใช้งาน ChatGPT เป็นเครื่องมือในการเขียนรายงาน และช่วยให้การเรียน “ง่ายขึ้น” จนต้องหาวิธีการรับมือ
แต่ดูเหมือนว่า ChatGPT จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่นักศึกษาทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะหากลองเข้าไปดู #ChatGPT ในโซเชียลมีเดียชื่อดัง อย่าง TikTok ก็จะพบว่า มีคลิปที่แนะนำให้ใช้ ChatGPT ในฐานะเครื่องมือในการช่วยเขียนรายงาน รวมถึงเขียนโปรแกรมต่าง ๆ เต็มไปหมด..
ที่มา http://www.atimedesign.com/webdesign/chatgpt/