สมัยนี้ธุรกิจต่างๆ ขยับขยายตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่เข้าถึงง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับลูกค้า ส่งผลให้การแข่งขันด้านในด้านนี้มีปริมาณสูง แต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะประสบความสำเร็จ สำหรับธุรกิจที่เข้าใจหลักการตลาดออนไลน์ย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางเหล่านี้ในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีจากการขายสินค้าและบริการ ได้มากกว่าธุรกิจที่ไม่มีกลยุทธ์หรือหลักการทำการตลาดออนไลน์เลย วันนี้เราจึงมีหลักการตลาดออนไลน์พื้นฐานมาแชร์ให้ผู้ที่สนใจหรือเริ่มต้นศึกษาว่าต้องทำอย่างไรได้ทราบกัน
4 ข้อหลักในการทำการตลาดออนไลน์ 1. ศึกษาตลาดหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นการตลาดแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ก็ยังต้องใช้พื้นฐานแบบเดียวกัน คือศึกษาว่าตลาดต้องการอะไรเป็นลำดับแรก โดยการใช้แบบสอบถามรวมถึงการพูดคุยสัมภาษณ์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าตลาดหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราต้องการอะไร เมื่อได้คำตอบแล้วจึงมาออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหา รวมถึงกลยุทธ์ที่ใช้ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น เช่น นักกีฬาฟุตบอลชาย อายุช่วง 20-30 ปี ต้องการเสื้อบอลที่ระบายอากาศดี ซักง่าย เนื้อผ้าเหนียวขาดยาก เป็นต้น เมื่อได้แล้วจึงวางแผนกระบวนการดำเนินงานทั้งหมดว่าจะทำอย่างไร งบประมาณเท่าไหร่ ใช้ช่องทางไหนบ้างในการโฆษณา การจ่ายเงิน การขนส่ง ฯลฯ จนครบทั้งหมด
2. โปรโมทสินค้าหรือบริการให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าต่อมาคือการสร้างแคมเปญสำหรับโปรโมทสินค้าหรือบริการที่เราต้องการจะถ่ายทอดออกไปแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา ผ่านช่องทางที่ได้วางแผนไว้ เช่น Facebook, Youtube, Line, Instagram ฯลฯ อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ ซึ่งหลายคนละเลยความสำคัญไป เพราะเว็บไซต์เป็นสิงจำเป็นที่ต้องมีในการทำการตลาดออนไลน์ นอกเหนือไปจากความน่าเชื่อถือแล้ว ยังเป็นคีย์ในการทำ SEO, SEM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ ให้เป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น โดยจะใช้เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ อาทิ Facebook Ads manager, Line @ สำหรับ Facebook กับ Line หรือ Google Ads สำหรับเว็บไซต์ ร่วมกับการสร้างคอนเทนต์ (Content) ให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละช่องทาง
3. การบูรณาการระหว่างเครื่องมือกับช่องทางติดต่อสื่อสารการใช้เครื่องมือทำการตลาดออนไลน์เก็บข้อมูลลูกค้า มาใช้งานร่วมกับเครื่องมือเวิเคราะห์ข้อมูลโดยเฉพาะ อย่างเช่น Google analytic, Tableau, Excel ฯลฯ เพื่อมาวิเคราะห์หา Insight ของลูกค้านั่นเอง เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เนื่องจากการตลาดปัจจุบัน แข่งขันกันทางด้านข้อมูล ยิ่งใครมีข้อมูลที่อัพเดทและนำมาใช้งานได้ ย่อมได้เปรียบคนอื่น อย่างการใช้
Lead Generation คือ การให้ลูกค้าที่สนใจกรอกข้อมูลการติดต่อกลับอาทิ ชื่อ, เบอร์ติดต่อ, อีเมล์ ในแบบฟอร์มภายในหน้าเว็บไซต์หรือทางอีเมล์ เพื่อมานั่งตรวจสอบรายชื่อลูกค้าที่มีโอกาสซื้อมากที่สุด การเก็บข้อมูลขนาดใหญ่อย่างการซื้อ-ขายประจำวัน มาวิเคราะห์หาช่วงเวลาที่ผลิตภัณฑ์ขายดีมากที่สุด เพื่อออกแบบโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเวลานั้นของผลิตภัณฑ์ ในการเพิ่มยอดขาย โดยโปรโมทผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ
4. ติดตามและวัดผล แน่นอนว่าเมื่อลงทุนโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านแพลตฟอร์มตามแผนที่วางไปแล้ว ก็ต้องมาติดตามผลว่าเป็นไปตามที่คิดไว้หรือไม่ ควรปรับปรุงงบประมาณอย่างไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ว่าจุดประสงค์ของการทำแคมเปญแต่ละครั้งคืออะไร ซึ่งจะสอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดในแต่ละขั้นของแบรนด์ การวัดผลในแต่ละช่องทางก็จะใช้เครื่องมือแตกต่างกัน และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ออกแบบแผนการตลาดในครั้งต่อไปเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกว่าเดิม
การที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างธุรกิจของตนเองได้ผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ซึ่งหลายคนก็ไม่ได้ตระหนักถึงการทำการตลาดออนไลน์ซักเท่าไหร่ ทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะเพียงคิดว่าเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเจอร้านของตน แต่กลับไม่คิดว่าแล้วลูกค้าจะรู้จักคุณได้อย่างไร หากเขาหาคุณไม่พบบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการที่มีธุรกิจประสบผลสำเร็จเหนือคู่แข่ง สร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำจากโลกออนไลน์ จึงไม่ใช่แค่ความโชคดีแน่นอน