ขอพูดต่อซักนิดนะครับ ผมจะเล่าประเทศ ประเทศหนึ่งให้ฟัง ซึ่งเป็นประเทศ บ้านนอก
กว่าประเทศในยุโรปหรือเมกาซะอีกถ้าเขียนหรู ตามทั่วโลกคือประเทศกำลังพัฒนา
แต่มันคือ ประเทศด้อยพัฒนาดีๆนั้นและ แต่ว่ามีประเทศหนึ่งที่ผมจะเหล่านี้และ
เค้าสามารถส่งออกน้ำมันได้ไม่แพ้กับประเทศ ในตะวันออกกลาง
ประเทศนี้เมื่อราวๆ 10 - 20 ปีก่อน เค้าเป็นหนี้ IMF จนประเทศเค้าเป็นหนี้หัวโตจาก IMF
ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศชาติ ทุกปีจะต้องยืมเงินจาก IMF เท่านั้นเพื่อมาพัฒนา
ประเทศของเค้า พอเปลี่ยนประธานธิบดีคนหนึ่งได้ขึ้นมา เห็นความสำคัญของพลังงาน
เป็นอันดับต้นๆ รองจากการศึกษา และ ความปลอดภัยในบ้านเรือน ประเทศเค้า
ประชาชนยากจน โดยส่งออกผลผลิตการเกษตร อ้อย น้ำตาล กาแฟ และสินค้าการเกษตร
ประชาชนไม่มีความรู้ บ้านเค้า การปล้น ฆ่า อาชญกรรม ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จนมาวันหนึ่ง
ประธาธิบดี ได้มองเห็นว่าบ้านตัวเอง ปลูก อ้อยได้มาก จนมองหา ว่ามีทางไหนที่สามารถ
เปลี่ยนอ้อยจากสินค้า การเกษตรถูกๆ ให้กลายเป็นสินค้าราคาแพง นั้นก็คือ เอทานอล
หลังจากที่เค้าได้พัฒนาการ ผลิต น้ำมัน อยู่นาน 2 นาน เค้าได้เปลี่ยน ไบโอดีเซล โดยคิดว่า
มันจะต้องอย่างอื่นที่ผลิตน้ำมันจากธรรมชาติได้ดีกว่านี้อีก เค้าถึง ปลูก สบู่ดำ และ ปาล์ม
ผลที่เกิดขึ้นคือ เค้าสามารถผลิต น้ำมันไบโอดีเซล และ เอทานอล ได้เป็นอันดับต้นๆของโลก
นั้นคือ ประเทศ
บราซิล ครับ ที่ประชาชน โดยรวมยากจนกว่าเราซะอีก
เค้าสามารถเอาทรัพยากรที่เค้าคิดว่า ราคาถูกแล้วมีมาจนเกินไป ขายไม่ได้ราคาเปลี่ยนเป็นพลังงาน
ส่งขายไปทั่วโลก ในราคาที่แสนแพง แน่นอนเมกา ไม่รอช้า เห็นน้ำมันราคาถูกก็รีบซื้อจนกลายเป็น
ผู้ซื้อน้ำมันไบโอดีเซลและเอทานอลจากบราซิลอันดับต้นๆ จนประเทศเค้าเริ่มร่ำรวยจากน้ำมันธรรมชาติ
จนเค้าสามารถพัฒนาประเทศและส่งคืน IMF ได้จนเกือบหมด และสามารถพัฒนาประเทศจนเป็นที่น่าเชื่อถือ
เค้ารู้จักพัฒนาแต่บ้านเราไม่ต้องพูด ผมเล่าให้ฟังแค่นี้ครับ ที่เหลือ คิดแล้ว ประมวลผลเอาเอง
ถ้าเรามัว ก้าวช้า เราก็จะช้าตลอดไปครับ
ปล. ความคิดจากเด็กอายุ 20 อย่างผม