จริงๆมันก็ back to basic นี่แหละครับ หลักพื้นฐานของคนทำเว็บเริ่มแรก แต่ไม่ค่อยมีคนทำ เพราะนิยมทางลัดด้วยวิธีการปั่น (แต่ก็ได้เงินเหมือนกันนะ แต่ยั่งยืนน้อยหน่อยเพราะต้องทำใหม่ตลอด)
อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของแนวทางความถนัด บวกความขยันของแต่ละคนด้วยแหละ
ใช้ wordpress มันก็ดีอ่ะนะ สิ่งที่ควรแนะนำอีกจุดก็คือ feed rss เพราะถ้าเป็นเว็บที่เนื้อหาน่าติดตามและคนติดแล้ว เขาก็เอา rss ไปติดตามต่อ (ของผมแปะไว้ตรงข้างบราวเซอร์นี่เลย (Rockmelt) มันจะแสดง notification การอัพเดทบอกตลอด)
หรืออีกวิธีก็หา plugin auto post wall เวลา publish บทความแล้ว ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คนติดตามเว็บเราได้ เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นการโยนเนื้อหาลงไปใน facebook เลย
คุณจะเสียผลประโยชน์ให้กับ facebook ไปทั้งหมด ทางที่ดีผมว่าส่งไปแค่หัวข้อ แล้วลิงค์กลับมาให้อ่านใน blog น่าจะดีที่สุด (หลังๆผมไม่ใช้ note ของ facebook ละ ส่งทราฟฟิคกลับเว็บเอาดีกว่า)
คุณบอล ผมไม่เคยทำ fb นะ แต่ถ้าผมทำแบบ wp แล้วไปโผ่ที่ fb ด้วย จะเวริคไหมครับ ทำหลายๆแคตาล็อกนะครับ มันจะไปโผ่หน้าแฟนเพจเลยครับ ซึ่งในหน้าแฟนเพจมีหน้าตาเหมือนกับใน wp เราเลยครับ แบบนี้เวริคไหมครับ
ผมคิดว่าก็น่าจะดีนะครับ (แต่ของผมไม่เน้นอัพเดทสองที่ ผมเน้นเอาลงที่เดียว เห็นได้ทุกที่ อย่างตอนนี้ผมใช้ google plus เวลาโพสต์ ไม่ใช่ว่าผมจะอะไรบน google plus นะครับ ผมแค่ใช้มันเป็นตัวหลักในการกระจายไป facebook,twitter อีกต่อ แทนที่จะมาโพสต์หลายๆที่)
เราต้องดูว่ากิจกรรมบน facebook เราต้องการอะไร การโปรโมต การขาย หรือยังไง ถ้าสินค้าเราไปอยู่บน facebook แล้วคนจับจ่ายได้เลย ผมว่ามันก็จบผลความคาดหวังของเรา ณ ตรงนั้น ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
แต่อย่างกรณีผม เป็นเว็บบทความ ผมดันเอาบทความไปไว้ที่ facebook คนอ่านเขาก็อ่านจบแค่ตรงนั้น เขาก็ไม่กลับมาอ่านที่เว็บผม อันนี้คือผมพลาดละ ถ้าผมคาดหวังให้คนคลิกแอดบนเว็บผม แต่ดันไปเสร็จสมปองบน facebook
แต่กรณีถ้ามีการขาย ad บน facebook ได้มันก็อีกกรณีนึง การสร้างกลุ่มเป้าหมายบน facebook ก็ได้รับผลโดยตรงเช่นกัน
facebook ต่อให้สร้างจำนวนไลค์ได้มากมายแค่ไหน แต่ถ้าเราหาผลประโยชน์กับมันไม่ได้ ผมว่าก็ไม่ค่อยมีประโยชน์นะ (บางคนอาจจะมีออก product ตามมาบ้าง หรือรับบริการอะไรบ้าง แต่ดูจากดราม่าคราวที่แล้วอย่าง 9gag in thai ที่ดราม่าเรื่องขายเสื้อเพราะโดนด่าก็เลยขายไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นตันไปเลยทำไรต่อไม่ได้ อันนี้ก็เลยกลายเป็นจำนวน like ที่เสียเปล่า อิๆ)
สรุปก็ดูก่อนแหละครับว่าจะเอา facebook ไปทำอะไรเพื่อวัตถุประสงค์ด้านไหนเป็นหลัก (อย่างผมไม่ค่อยซื้อ like นะเพราะผมไม่รู้จะปัมพ์ like ไปทำไม)
หรือยกอีกเคสนึง อย่างหยินเขาขาย ebay เนี่ย ผมเห็นเขาขายของที่ ebay ตลอด แต่มีเว็บหลักนะ แต่ส่วนใหญ่จะขายได้ที่ ebay เป็นหลัก ผมก็เห็นเขาปัมพ์ตรายางที่อยู่ตลอด ผมก็ถามว่า ทำไมตรายางถึงไม่ใส่ โดเมนเว็บลงไปด้วยหล่ะ คราวหลังเวลาลูกค้าจะซื้อต่อ หาใน ebay ไม่เจอ เผื่อจะเข้ามาซื้อจากเว็บได้ ก็เลยให้ไปทำตรายางใหม่ (อันนี้คือสร้างแบรนด์)